วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ตัวอย่างเรียงความ



วันนี้ CT TUTOR ได้รวบรวมตัวอย่างการเขียนเรียงความ ให้ผู้สนใจการเขียนเรียงความ หรือเด็กๆที่กำลังจะเข้าประกวดการเขียนเรียงความ มาให้ศึกษากันนะค่ะ เพื่อเป็นแนวทางในการสร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนนะ

ตัวอย่างที่ 1 
เรียงความเรื่อง "แม่ของแผ่นดิน" โดย นางสาวรุ่งนภา ธูปหอม ม.4/1 โรงเรียนนาโบสถ์พิทยาคม อ.วังเจ้า จ.ตาก ได้รางวัลชนะเลิศการประกวดเรียงความ ในงานคอนเสิร์ตรักชาติ วันจันทร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2552 ณ หอประชุมโรงเรียนผดุงปัญญา
………………………………………………………………………………………………………………..

             แม่คนหนึ่งรักและเลี้ยงดูลูกได้สักกี่คน คำตอบก็คือ ถ้าเป็นลูกของแม่แล้วไม่ว่ากี่คนแม่ก็มีความรักความห่วงใย ความปรารถนาดีให้แก่ลูก ๆ ทุกคนอย่างไม่เอียงเอน พร้อมที่จะเลี้ยงดูลูกเสมอไม่ว่าลูกจะสูงต่ำดำขาว โง่เขลาหรือเฉลียวฉลาด และไม่ว่าลูกจะเติบโตขึ้นเพียงใด แม่ก็ยังคงคอยมองดูและคอยประคับประคองเมื่อลูกก้าวพลาดเสมอ
                โดยทั่วไปแล้ว แม่ธรรมดาคนหนึ่งมีลูกไม่กี่คน อย่างมากก็สิบกว่าคนเท่านั้น แต่เชื่อไหมว่ามีแม่คนหนึ่งที่เลี้ยงลูกได้หลายสิบล้านคนได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มอบความรัก ความห่วงใย ความเสมอภาคเท่าเทียมและความปรารถนาดีแก่ลูกของแม่ทุก ๆ คน แม่คนนี้รักลูกทุกเพศ ทุกวัย ทุกฐานะ ทุกอาชีพ แม่ชื่นชมกับความสำเร็จที่ลูกหลาย ๆ คนได้รับ คอยเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ดูด้วยความปิติยินดี แววตาของแม่เปี่ยมไปด้วยความรักความเอื้ออาทร  เป็นรักที่บริสุทธิ์อย่างถ่องแท้ และเมื่อใดที่ลูกของแม่คนไหนได้รับความทุกข์ความยากลำบาก มีหรือที่แม่นี้จะทนอยู่ได้อย่างเฉยชา เมื่อลูกทุกข์  แม่ก็ทุกข์ด้วย แม่จึงต้องตระเวนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ของ "บ้านหลังใหญ่" หลังนี้ให้ทั่วเพื่อดูแลความเป็นอยู่ของลูก หลายครั้งแม่ก็ทำหน้าที่เป็นแม่บุญธรรมรับเลี้ยงลูกของเพื่อนบ้านที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น แม่คนนี้ก็ดูแลลูกบุญธรรมเป็นอย่างดี อุปการะไว้จนเห็นบ้านของเขาสงบดีแล้วจึงจะส่งลูกกลับไป 
                แม่คนนี้จะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก "สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ" พระผู้ทรงเป็น "แม่ของแผ่นดิน" แม่ที่เป็นคู่พระบารมีของพ่อนับตั้งแต่ที่พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นสมเด็จพระราชินี พระเมตตาของพระองค์ก็ได้แผ่ปกเกล้าเหล่าพระสกนิกรชาวไทยได้อย่างไม่เคยขาด  พระองค์ทรงมอบความรัก ความเมตตาให้กับราษฎรของพระองค์ทุก ๆ คน ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการได้อย่างครบถ้วนอย่างที่แม่คนหนึ่งพึงจะปฏิบัติต่อลูก พระองค์ทรงเสด็จไปเยี่ยมราษฎรทั่วผืนแผ่นดินไทย พสกนิกรชาวไทยทุกคนจึงศรัทธาในสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างลึกซึ้ง  และตอบกลับความรักนั้นไว้ในพระราชหฤทัยและสนองตอบอันเป็นความรักอันบริสุทธิ์กว้างใหญ่ไพศาล มอบแก่ลูก ๆ ทุกคนของพระองค์
                  "จับมือลูกเรียนเขียน ก. ไก่    สอนให้ลูกเป็นคนดีมีเหตุผล
                 จากนั้นลูกของแม่แต่ละคน    จึงรวมตนเป็นชาติที่มีวัฒนธรรม"

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจใหญ่น้อยนานัปการได้อย่างดียิ่งโดยมีเวลา ความศรัทธาและความจงรักภักดีของพสกนิกรไทยเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า พระองค์ทรงปฏิบัติได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พระองค์ทรงขึ้นเขาลงห้วยไปหาทวยราษฎร์ด้วยพระราชหฤทัยที่มุ่งมั่นในการบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พสกนิกรที่ทรงเห็นว่ามีความอดอยากยากแค้น ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีน้ำประปา ไม่มีอาหารกินให้อิ่มท้อง พระแม่ของคนไทยทรงทักถามความยากลำบากต่าง ๆ และรีบเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างไม่รอช้า เมื่อลูกป่วยแม่ก็พาหมอมาให้ ลูกไม่ได้เรียนหนังสือแม่ก็ส่งเสียให้เรียน ท้องที่กันดารไม่มีครูแม่ก็หาครูมาสอน หรือแม้แต่ลูกไม่มีงานทำ แม่ก็หางานให้โดยทรงเลือกหัตถกรรมให้เป็นอาชีพเสริมการเกษตร ให้โอกาสแก่คนพิการ คนว่างงาน ชาวไทยภูเขาเผ่าต่าง ๆ โดยไม่แบ่งชนชาติไม่แบ่งชั้นวรรณะ และด้วยความเชื่อว่าลูกของแม่เป็นคนไทยที่มีสายเลือดของความเป็นช่างอยู่ทุกคน หากฝึกฝนให้มากขึ้นก็สามารถสร้างผลงานออกมาได้อย่างวิจิตรงดงามเป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก  ภายใต้กำลังใจที่แม่มอบให้ แม่ไม้ต้องการให้ลูก ๆ ของแม่เอาแต่พึ่งพาคนอื่น แม่ต้องการให้ลูก ๆ อยู่ได้ด้วยตนเอง โดยแม่เป็นเพียงผู้ชี้ทางสว่างให้  เป็นผู้สั่งสอนอบรมและมอบความรู้ต่าง ๆ ให้แก่ลูก ด้วยหวังให้ลูกสามารถอยู่ร่วมกันได้เป็นและเป็นกำลังที่ยอดเยี่ยมของประเทศชาติต่อไป
                ศูนย์ศิลปาชีพเป็นเพียงหนึ่งสิ่งที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงจัดตั้ง เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่ราษฎร เหมือนกับการให้ชีวิตใหม่แก่ราษฎรที่กำลังประสบความทุกข์ยาก แต่ทว่าพระองค์มิได้ทรงทำเพียงเท่านั้นพระองค์ยังทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันใหญ่หลวงอีกนานัปการ อาทิด้านการศึกษาพระองค์ทรงพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนให้เยาวชนศึกษาเล่าเรียนตามกำลังความสามารถ จัดตั้งโครงการศาลาร่วมใจซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเองของราษฎรตามท้องถิ่นต่าง ๆ ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ทรงจัดตั้งโครงการสวนสัตว์ป่าเปิดภูเขียวตามพระราชดำริ โครงการอนุรักษ์พันธ์เต่าทะเล ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธ์สัตว์ป่า โครงการป่ารักน้ำที่พระองค์ทรงตระหนักเห็นความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง  
              ดังพระราชดำรัสที่ว่า "ข้าพเจ้าอาจจะได้ทำหน้าที่เพื่อประชาชนมาแล้วหลายอย่าง แต่ข้าพเจ้าไม่สามารถทำให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของการรักษาป่า ว่าป่านี้ได้ช่วยพิทักษ์น้ำและเก็บน้ำไว้ในดินเพื่อเรา ก็เหมือนกับข้าพเจ้ายังทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์"  
                 ด้านการศาสนา พระองค์ทรงศรัทธาอุปถัมภ์บำรุงพระบวรพุทธศาสนา ทรงปฏิบัติตนตามแบบอย่างของชาวพุทธอันเป็นแบบอย่างที่ดีและมีค่ามากกว่าคำสอน ส่วนพระราชกรณียกิจด้านสาธารณสุข ทรงจัดตั้งสภากาชาดตามจังหวัดต่าง ๆ ทรงรับคนไข้ผู้ยากไร้ไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และพระราชภารกิจอื่น ๆ อีกมากมายที่แม่คนหนึ่งมอบให้แก่ลูกของแม่หลายสิบล้านคน
                แม่มีบทบาทสำคัญในการที่จะทำให้  "บ้านหลังใหญ่" หลังนี้เป็นที่พักพิงทางกายใจอันอบอุ่นและสุขสบายของลูก ๆ ทุกคน โดยจะเห็นได้ว่าทุกคราวที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถเสด็จไปทรงเยี่ยมเหล่าพสกนิกรตามสถานที่ต่าง ๆ ราษฎรจะยอมเดินทางมาไกลหลายสิบหลายร้อยกิโลเมตรและยินดีที่จะรอคอยเพื่อเข้าเฝ้าพระองค์ตั้งแต่เช้า โดยไม่สนใจต่อสภาพภูมิอากาศว่าร้อนหรือหนาวเพียงใด ไม่สนใจว่าพระองค์จะเสด็จมาถึงเมื่อไหร่ เพียงแค่ได้เห็นพระพักตร์ของพระองค์เพียงชั่วขณะเดียว ได้ยินพระสุรเสียงอันอ่อนโยนที่พระองค์รับสั่งถามว่า "มาคอยนานไหมจ๊ะ" เพียงประโยคเดียวก็ถึงกับทำให้น้ำตาของหลาย ๆ คนไหลอาบแก้มด้วยความตื้นตัน พระองค์ทรงทำลายกำแพงแห่งความสูงส่งทั้งมวลอย่างราบคาบเหลือเพียงความรักความผูกพันระหว่าง "แม่" กับ "ลูก" ที่ไม่มีสิ่งใดมาขวางกั้น
                ความรักความเอื้ออาทรที่แม่คนหนึ่งได้มอบให้ลูกหลายสิบล้านคนอย่างเท่าเทียมไม่เอนเอียง ปลื้มปิติยินดีกับลูกที่ประสบความสำเร็จและพยายามบำบัดทุกข์บำรุงสุขแก่ลูก ๆ ที่ยังได้รับความทุกข์ยากด้วย พระราชอัจฉริยภาพอันปราดเปรื่อง ดั่งสายฝนที่โปรยความชุ่มชื่นให้แก่แผ่นดินที่แห้งแล้งให้กับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พระองค์ทรงเป็น "แม่หลวง" เป็น "แม่ของแผ่นดิน" ที่ลูก ๆ กว่าหกสิบล้านคนเคารพรักและภักดีอย่างไม่มีวันเสื่อมคลายไปจากหัวใจของชาวไทยทุกดวง

             "ซาบซึ้งใน  พระองค์    ทรงก่อเกื้อ
             ใต้จดเหนือ    เสด็จเยือน    เลือนทุกข์เข็ญ
             เคยกันดาร    พลันชื่นฉ่ำ    คลายลำเค็ญ
             พระทรงเป็น "แม่หลวง"    ของปวงชน"






 ตัวอย่างที่ 2
รางวัลชนะเลิศ : นางสาวช่อทิพย์ รักธรรม ชั้น ม.6 โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้ จังหวัดนครศรีธรรมราช

โลกร้อนสร้างวิกฤติ วิทย์และเทคโน ช่วยได้
                ปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับสภาวะแวดล้อม อันเนื่องมาจากมลพิษ หรือความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ใดที่หนึ่งก็ตากย่อมส่งผลกระทบไปถึงที่อื่นๆ ด้วยเหตุนี้ ทุกคนทุกประเทศในโลกจึงย่อมมีส่วนรับผิดชอบอยู่ด้วยกัน ทั้งในการแก้ไข ลดปัญหา และปรับปรุงสร้างเสริมสภาวะแวดล้อม ให้กลับคืนมาสู่สภาพอันจะเอื้อต่อการมีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุขของตนเองและเพื่อมนุษย์....
                                                                                                (พระราชดำรัสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว)
                จากพระราชดำรัสข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ปัจจุบันสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้กำลังเปลี่ยนไปจากฝีมือมนุษย์ ไม่ว่าใครเป็นผู้กระทำหรือเกิดขึ้นที่ใด ก็ย่อมส่งผลไปทั่วโลก เช่นเดียวกับภาวะโลกร้อนที่เรากำลังประสบอยู่ทุกวันนี้ อาจเกิดจากความไม่ตั้งใจของมนุษย์ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเราทุกคนบนโลกจะต้องช่วยกันหาทางแก้ไข เพื่อให้โลกใบนี้คงอยู่ต่อไป
               
ภาวะโลกร้อนเป็นภาวะที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นจากปรากฏการณ์เรือนกระจก ซึ่งต้นเหตุทั้งหมดก็มาจากฝีมือมนุษย์ ที่เพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงการขนส่ง และการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมรวมไปถึงเพิ่มก๊าซกลุ่มไนตรัสออกไซด์และคลอโรฟลูออโรคาร์บอน ก๊าซเหล่านี้คงไม่มีผลกระทบต่อโลกถึงเพียงนี้ ถ้าหากมนุษย์ไม่ไปตัดไม้ทำลายป่า อันเป็นเหตุให้การดึงเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไปจากระบบบรรยากาศถูกลดทอนประสิทธิภาพลง ในที่สุดสิ่งที่เรากระทำ ก็ส่งผลมาสู่ตัวเราเอง กับสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องเผชิญต่อภาวะโลกร้อน
               
ภาวะโลกร้อนได้ส่งผลกระทบในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านนิเวศวิทยา อาทิ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย สภาพอากาศแปรปรวน อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น อย่างประเทศไทยในช่วง 40 ปีที่ผ่านมาอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น 1 องศาเซลเซียส และมีการคาดการณ์ว่าอีก 90 ปีข้างหน้า อุณหภูมิผิวโลกจะสูงขึ้นจากปัจจุบันราว 4.5 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ภาวะโลกร้อนยังส่งผลกระทบในด้านเศรษฐกิจด้วย เช่น ธุรกิจท่องเที่ยวที่สำคัญบนเกาะเล็กๆของทวีปอเมริกา ต้องสูญเสียรายได้จากการที่น้ำทะเลสูงขึ้นและกัดกร่อนชายฝั่ง หรือจะเป็นทวีปเอเชีย ที่เกิดฝนกระหน่ำและมรสุมอย่างรุนแรง รวมถึงความแห้งแล้งในฤดูร้อนที่ยาวนาน ส่งผลต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจภาวะโลกร้อนยังส่งผลไปถึงสุขภาพของมนุษย์ทั่งโลกอีกด้วยเนื่องจากโลกร้อนเป็นสภาวะที่เชื้อโรคเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
               
โลกในปัจจุบัน เป็นโลกแห่งยุคโลกาภิวัฒน์ มีเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามากมาย รวมไปถึงความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ หลายคนอาจมองว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้โลกใบนี้ต้องประสบกับภาวะโลกร้อน แต่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกลับช่วยให้ภาวะโลกร้อนทุเลาลง ผู้สร้างอาจเป็นผู้ทำลายได้ ในขณะเดียวกันผู้ทำลายก็กลายเป็นผู้สร้างได้เช่นกัน เรามาสามารถที่จะทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนได้ ถ้าหากไม่มีกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง นักวิทายาศาสตร์ทั่วโลกต่างพยายามศึกษาผลกระทบที่เกิดจากภาวะโลกร้อนเพื่อหาแนวทางบรรเทาและแก้ไขปัญหาดังกล่าว หากไร้ซึ่งพวกเขาเหล่านี้แล้ว ใครกันเล่าที่จะเป็นผู้ช่วยเหลือโลกใบนี้  วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสามารถช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนได้ หากเรานำมาประยุกต์ใช้อย่างตรงประเด็นและถูกวิธี อาทิการนำสบู่ดำมาผลิตไบโอดีเซล เราต้องใช้กระบวนการวิทยาศาสตร์ในการวิเคราะห์ถึงสรรพคุณของสบู่ดำ ว่าสบู่ดำสามารถดัดแปลงมาใช้ประโยชน์ด้านใดได้บ้าง และใช้เทคโนโลยีในกรรมวิธีการผลิตเพื่อให้ได้ผลตามเป้าหมาย นั่นคือ ไบโอดีเซล การนำขยะมาใช้เป็นปุ๋ยหรือนำไปรีไซเคิลก็เช่นเดียวกันต้องใช้วิทยาศาสตร์ในการศึกษาและทดลองว่าขยะแต่ละประเภทสามารถนำไปดัดแปลงเป็นอะไรได้บ้าง และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เป็นตัวแปรรูปหรือผลิต หรือจะเป็นในเรื่องของการผลิตพลังงาน อาทิพลังงานที่ใช้ในการขับเคลื่อนเครื่องยนต์ เช่น การนำน้ำมันปาล์มมาผลิตไบโอดีเซล หรือการหมักพืชอย่างมันสำปะหลังและอ้อยอันนำไปสู่การผลิตแก๊สโซฮอล์ ในการวิจัยสรรพคุณของมันสำปะหลังและอ้อย รวมไปถึงการคิดพัฒนาไปสู่แก๊สโซฮอล์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาช่วย และใช้เทคโนโลยีในกระบวนการแปรรูปมันสำปะหลังและอ้อยให้เป็นเอทานอล ก่อนนำไปผลิตเป็นแก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 ซึ่งสามารถใช้แทนหรือผสมกับน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 ได้ แก๊สโซฮอล์เป็นพลังงานสะอาด จะปล่อยมลพิษทางท่อไอเสียต่ำกว่าเบนซินทั่วไป ดังนั้นแก๊สโซฮอล์จึงเป็นผลดีต่อสุขภาพของเรา และช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้
                นอกจากที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว เรายังสามารถนำวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาช่วยสร้างผู้พิทักษ์โลก นั่นก็คือ ต้นไม้ได้อีกด้วย ต้นไม้คือสิ่งเดียวที่ช่วยกลั่นกรองอากาศเสียอย่างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นอากาศดีอย่างออกซิเจนได้ ซึ่งในปัจจุบันจำนวนพื้นที่ป่าของไทยเหลืออยู่เพียง 167,590,98 ตารางกิโลเมตร หรือ 33 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นสิ่งเดียวที่จะช่วยฟื้นฟู และขยายพันธุ์พืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราต้องใช้วิทยาศาสตร์ในการคิดค้นปรับปรุงพันธุ์พืช ให้ได้พันธ์พืชที่ทนต่อสภาพแวดล้อม มีส่วนในการเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปเป็นก๊าซออกซิเจนที่ค่อนข้างสูง และใช้เทคโนโลยี ในกระบวนการผลิตพันธุ์พืชเพื่อให้ได้พันธุ์พืชที่ดี มีคุณภาพ จะเห็นว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ต้องควบคู่กันไป หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ไม่อาจช่วยบรรเทาโลกร้อนได้
               
ถึงแม้ว่าเราจะมีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในการช่วยแก้ไขปัญหาโลกร้อน แต่ผู้ที่เป็นเจ้าแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คือ มนุษย์ดังนั้นทุกคนที่อยู่ร่วมกันบนโลกใบนี้จะต้องร่วมมือกันแก้ไข หยุด ละ เลิก เป็นผู้ทำลาย เพราะสุดท้ายแล้วผลกระทบทั้งหมดก็ตกมาสู่ตัวเราเอง ใช้ประโยชน์จาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในทางที่สร้างสรรค์และคุ้มค่า เพื่อโลกของเราจะได้คงอยู่สืบไป
…………………………………………………………………………………………………………




   ตัวอย่างที่ 3
รางวัลชนะเลิศ  นางสาววรรณี  สังธรรมรอด  นักศึกษาพยาบาลศาสตร์ชั้นปีที่ 1

ทำดีเพื่อพ่อ
                ความดีหน้าตาเป็นอย่างไร  รูปร่างลักษณะเป็นแบบไหน  มีตัวตนหรือไม่ฉันก็ไม่รู้ แต่ที่ฉันรู้  ฉันรู้ว่าความดีไม่เคยทำให้ใครเดือนร้อน  ถ้าคุณไม่เชื่อคุณก็ลองสัมผัสดูซิแล้วคุณจะรู้ว่าความสุขทางใจมันยิ่งใหญ่มหาศาลกว่าวัตถุที่มนุษย์ในปัจจุบันแก่งแย่งกันซะอีก
               
ภาพผู้ชายที่มีอยู่ทุกบ้าน  ภาพที่ดูอบอุ่น  ภาพที่ดูยิ่งใหญ่  ภาพที่ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้เป็นห่วงเรา  ภาพภาพนี้ตอนฉันเด็กๆยังไม่เข้าใจอะไร ฉันจะชอบภาพว่าใครเหรอ  ยายก็จะบอกฉันว่า  นี่คือพ่อของแผ่นดิน  พระองค์ทรงเป็นห่วงและดูแลพสกนิกรพระองค์เสมอ  ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ทำความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสมอมา  ฉันดีใจและภาคภูมิใจมากที่สุดที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินสยามผืนนี้  แผ่นดินที่มีความอุดมสมบรูณ์  แผ่นดินที่มีพ่อคอยดูแลลูกไม่เคยห่าง  ทุกครั้งที่ฉันเห็นพระองค์ทรงงานหนัก  พระองค์ไม่เคยย่อท้อ  ทรงทำงานด้วยพระราชหฤทัยที่เต็มเปี่ยม  ฉันปลาบปลื้มและจะทำดีเหมือนที่พ่อทำแม้จะต่างสถานะ  ต่างชนชั้น  แต่คนเราทุกคนก็ทำความดีได้  การทำความดีมิใช่ว่าทำเป็นครั้งๆ แต่เราควรทำให้สม่ำเสมอ  เพราะผลของความดีจะตอบแทนการกระทำของเราเอง  คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าไม่รู้จักพระมหากษัตริย์แห่งสยาม ความดีของพระองค์แผ่ขยายไปทั่วโลก  ทุกคนต่างสรรเสริญและยกย่องในความดีของพระองค์  พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดในโลกและทรงงานหนักที่สุด  และไม่ต้องบอกเลยว่าเป็นประชาชนของพระองค์รักและห่วงใยพระองค์ขนานไหน  และสิ่งที่เราชาวไทยทุกคนจะทำดีเพื่อถวายในหลวงนั้น  เราทุกคนสามารถทำได้ทุกคน  แค่สิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์และไม่เกิดโทษกับผู้อื่นก็เพียงพอ
               
ฉันเป็นคนไทยคนหนึ่งและเป็นลูกของพ่อ  ฉันจะทำงานในหน้าที่ของฉันด้วยหัวใจ  มิใช่ทำตามหน้าที่เท่านั้น  แม้ว่าสิ่งที่ฉันทำอาจจะดูเล็กน้อยไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมากมาย  แต่ฉันก็ภูมิใจที่ได้ทำสิ่งที่พ่อทำ  "ความดี"  ทำให้คนเป็นคนดี  ถ้าไม่เชื่อคุณก็ต้องทำแล้วคุณจะรู้จักกับความดีอย่างแน่นอน


 ตัวอย่างที่ 4
เรียงความเรื่อง ข้าวกับชาวนาไทย
                ท้องทุ่งนาสีทองอร่ามตาทอดยาวไกลสุดขอบฟ้า คุณเคยคิดบ้างหรือไม่ว่ากว่าจะมาเป็นข้าวแต่ละเม็ดให้คุณได้รับประทานในทุกวันนี้ ชาวนาไทยผู้ได้ชื่อว่าเป็น กระดูกสันหลังของชาติต้องลำบากและเสียหยาดเหงื่อมาสักกี่หยดกว่าจะได้ข้าวแต่ละเม็ดมาให้เราได้รับประทานเพื่อประทังชีวิต แต่น้อยคนนักที่จะแลเห็นความสำคัญของพวกเขาเหล่านี้ คุณเคยคิดหรือไม่ว่า ถ้าหากวันหนึ่งไม่มีชาวนาแล้วจะเอาข้าวที่ไหนกิน เราจะอยู่ได้อย่างไร ฉะนั้นวันนี้ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของ ข้าวแล
               
พื้นแผ่นดินสยามอันงดงามของเราต่างก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าวประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศประกอบอาชีพเกษตรกรรม พื้นนากว่าหกสิบล้านไร่คือแผ่นดินอันล้ำค่าที่บรรพบุรุษของเราใช้เป็นที่ปลูกข้าวหล่อเลี้ยงชีวิตลูกหลานไทยมาจนถึงทุกวันนี้ คนไทยมีความผูกพันกับอาชีพชาวนา ไม่ว่าเวลาจะเลยผ่านมาเนิ่นนานสักเพียงใด พื้นแผ่นดินไทยก็ยังมีการปลูกข้าวมีการทำนาอยู่เสมอ หลายคนเคยบอกว่า ชาวนาจะทำนาไปทำไมกัน ทำไปก็ไม่รวยยังคงยากจนเช่นเดิม แม้ว่าข้าวจะมีราคาสูงขึ้นสักเพียงใด แต่ชาวนาไทยก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเลย แต่จะมีใครคิดเล่าว่า ถ้าหากพวกเขาไม่ทำนาแล้ว แล้วเราจะเอาข้าวที่ไหนกิน แม้รายได้จากการขายข้าวจะมีเพียงน้อยนิด แต่คุณค่าของข้าวที่พวกเขาปลูกมันมีค่ามากมายมหาศาล ผู้ใหญ่มักจะบอกให้เด็กๆเห็นคุณค่าของข้าวที่มี ไม่กินทิ้งกินขว้าง และมีคำพูดที่ติดปากบอกกันมาอย่างที่ได้ยินบ่อยๆว่า ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง อย่ากินทิ้งขว้าง เป็นของมีค่า ผู้คนอดอยาก มีมากหนักหนา สงสารชาวนา เด็กตาดำๆฉันเป็นเด็กต่างจังหวัดย่อมเข้าใจได้ดีว่า วิถีชีวิตการเป็นชาวนานั้นเป็นอย่างไร เมื่อตอนที่ฉันยังเด็ก ฉันเคยช่วยยายทำนา ตอนนั้นยังไม่รู้อะไรมากนัก แต่จำได้ว่าฉันมีความสุขมากกับการได้ทำนาและเห็นข้าวที่ฉันปลูกเองกับมือนั้นโตขึ้นมาเป็นรวงข้าวสีทองอร่ามตา ในช่วงหน้าหนาวที่ลมหนาวพัดมาก็เป็นการส่งสัญญาณว่าได้เวลาเก็บเกี่ยวข้าวแล้ว ข้าวในนาจะสุกเป็นสีเหลืองทองอร่ามทั่วท้องทุ่ง มองดูแล้วมันทำให้มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ฉันเองแม้ไม่ใช่ชาวนายังมีความสุขได้เพียงนี้ แต่คนที่เขาเป็นชาวนาเขาคงมีความสุขมากกว่าฉันหลายร้อยเท่า นอกจากนี้ฉันยังจำได้ว่า ยายของฉันเคยนำตอซังข้าวมาทำเป็นเครื่องดนตรีเล็กๆ ยายเรียกมันว่า ปี่ซังข้าวซึ่งมันทำให้ฉันมีความสุขและสนุกมาก  แต่ทุกวันนี้ภูมิปัญญาต่างๆได้เริ่มลดเลือนหายไป อาจจะเป็นเพราะคนไทยในทุกวันนี้ได้มองข้ามอาชีพชาวนาและหันไปประกอบอาชีพอื่นแทน แต่ก็ยังมีประเพณีบางอย่างที่ยังคงหลงเหลือและปฏิบัติกันมาจนถึงทุกวันนี้เช่น ภาคกลางมีประเพณีแห่นางแมวขอฝน ประเพณีแขกเกี่ยวข้าว ประเพณีทำบุญลาน ประเพณีทำขวัญข้าวหรือทำขวัญแม่โพสพ ซึ่งคนไทยเชื่อว่าต้นข้าวมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกว่า แม่โพสพสถิตอยู่ ซึ่งแม่โพสพจะช่วยดูแลให้ต้นข้าวออกรวง แข็งแรง เมล็ดเยอะ ชาวนาจึงเคารพกราบไหว้พระแม่โพสพ นอกจากนี้ภาคอีสานก็ยังมีประเพณีโยนครกโยนสาก ประเพณีบุญข้าวประดับดิน ประเพณีทำบุญข้าวสาก ประเพณีบุญข้าวจี่และที่สำคัญคือ ประเพณีบุญบั้งไฟที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งฉันเองก็เคยได้ร่วมประเพณีเหล่านี้มาบ้างแล้ว ส่วนภาคเหนือก็มีพิธีแฮกนา พิธีทำขวัญข้าวต้น ประเพณีสู่ขวัญควาย ภาคใต้เองก็มีประเพณีสวดนา ประเพณีแรกปักดำ ซึ่งประเพณีที่กล่าวมานี้ต่างก็แสดงให้เห็นว่าคนไทยเรามีความผูกพันกับอาชีพชาวนามาเนิ่นนานแล้วและฉันเองก็เห็นว่า เราควรส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม อาชีพชาวนากันต่อไป ดังกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า ข้าวต้องปลูก เพราะอีก๒0 ปี ประชากรอาจจะ ๘0 ล้านคน ข้าวจะไม่พอ ถ้าลดการปลูกข้าวไปเรื่อยข้าวจะไม่พอ เราจะต้องซื้อข้าวจากต่างประเทศ เรื่องอะไรประชาชนคนไทยจะยอม คนไทยนี้ต้องมีข้าว แม้ข้าวที่ปลูกในเมืองไทยจะสู้ข้าวที่ปลูกในต่างประเทศไม่ได้ เราก็ต้องปลูกประเทศไทยของเราได้ชื่อว่าปลูกข้าวได้อร่อยที่สุดและข้าวเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ ฉันไม่อยากเห็นว่าวันหนึ่งจากประเทศที่มีข้าวเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญต้องกลายเป็นว่าไม่มีข้าวกิน ข้าวไม่เพียงพอ เพราะจำนวนชาวนามีน้อยลง ผู้คนหันไปทำอย่างอื่นกันหมด มันอาจจะจริงอยู่ที่การประกอบอาชีพอุตสาหกรรม อาชีพบริการมันมีรายได้สูงกว่าการเป็นชาวนา แต่ถ้าหากไม่มีชาวนา ผู้เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของชาติ ผู้คอยหล่อเลี้ยงชีวิตของผู้คนหลายร้อยล้านคนบนโลกนี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้า จะมีข้าวให้เรากินหรือไม่ มีหลายคนที่ลุกขึ้นมากระตุ้นให้ตระหนักถึงความสำคัญของชาวนา และได้เขียนเรื่องราวความทุกข์ยากของชาวนาเอาไว้ดังพระราชนิพนธ์ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีที่ทรงแปลจากบทกวีของชาวจีนที่ว่า หว่านข้าวในฤดูใบไม้ผลิ ข้าวเมล็ดหนึ่ง จะกลายเป็นหมื่นเมล็ดในฤดูใบไม้ร่วง รอบข้างไม่มีนาที่ไหนทิ้งว่าง แต่ชาวนาก็ยังอดตาย ตอนอาทิตย์เที่ยงวัน ชาวนายังพรวนดิน เหงื่อหยดบนดินภายใต้ต้นข้าว ใครจะรู้บ้างว่าในจานใบนั้น ข้าวแต่ละเม็ดคือความยากแค้นแสนสาหัส
               
 ถึงเวลาแล้วที่วันนี้เราทุกคนต้องหันมากระตุ้นให้ผู้คนเห็นความสำคัญของข้าวและชาวนา ช่วยทำให้กระดูกสันหลังของชาติมีความแข็งแรง เข้มแข็ง ฉันเชื่อว่าประเทศที่มีข้าวคือประเทศที่ไม่มีวันอดตาย  เราโชคดีมากสักเพียงใดแล้วที่เกิดมาในประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าวแล้วเราจะปล่อยให้พื้นแผ่นดินที่เคยปลูกข้าวหล่อเลี้ยงชีวิตของเรามาตั้งแต่อดีตต้องรกร้างว่างเปล่าได้อย่างไรกัน ช่วยกันสิส่งเสริมชาวนาไทยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น อย่าให้เมืองไทยเป็นเพียงเมืองที่เคยปลูกข้าว แต่จงทำให้เมืองไทยเป็นดินแดนสีทองเหลืองอร่ามของข้าวต่อไป
               
ข้าวและชาวนาไทยมีความสำคัญกับประเทศไม้แพ้กับอาชีพอื่นๆ เราเองอาจจะเป็นชาวนาหรือไม่เป็นชาวนาก็ตาม แต่ถ้าหากเราแลเห็นและตระหนักถึงความสำคัญของชาวนา รับรู้ถึงความยากลำบากของการปลูกข้าว เข้าใจวิถีชีวิตของคนที่ถูกเรียกขานว่ากระดูกสันหลังของชาติ ข้าวและชาวนาไทยก็จะอยู่คู่สังคมไทยต่อไป

                                
                                                                                                                             นางสาวพัชรี หนองผือ
                                                                                                 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่  ๖โรงเรียนสารวิทยา
                                                                                                                                    
เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร๖       
………………………………………………………………………………………………………………
ตัวอย่างที่ 5
เรียงความเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเรียงความของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนธิดานุเคราะห์ ในหัวข้อเรื่อง "ชุมชนของฉันกับวิถีพอเพียง" ซึ่งเป็นรางวัลชนะเลิศ โดยเจ้าของเรียงความ เธอมีชื่อว่า เด็กหญิงพรอิสรา วงศ์สุภาพ ซึ่งเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับสังคมของคนไทยในปัจจุบัน และการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้กับคนไทยในปัจจุบัน
                เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสแก่ประชาชนชาวไทย ซึ่งเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะแต่การใช้จ่ายอย่างประหยัดเท่านั้น หากแต่ยังรวมถึงการมีชีวิตที่สงบสุขและยั่งยืนอีกด้วย
                ชีวิตความเป็นอยู่ของฉันก็คือวิถีชีวิตของเด็กเมืองธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ผู้ซึ่งต้องตื่นแต่เช้า ฝ่าจราจรอันคับคั่งเพื่อไปโรงเรียน ต้องทนอุดอู้อยู่ในห้องเล็ก ๆ ที่ปิดกั้นมิดชิดเพื่อป้องกันมลพิษ ต้องไปเบียดเสียดกับคนหมู่มากเพื่อซื้ออาหารในโรงงอาหาร ต้องอยู่กับเพื่อน ๆ ที่มีโรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัวกันมากมาย และต้องใช้ชีวิตอยู่บนสายป่านแห่งความสำเร็จรูปโดยแท้
                สังคมมนุษย์มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น มีคนมาอยู่ร่วมกันเป็นชุมชน เป็นสังคมมากขึ้น ซึ่งยิ่งต้องมีกฎระเบียบที่สามารถทำให้ทุกคนในสังคมสามารถใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันโดยสงบสุข และเราคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องไปปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนบ้าน พนักงานบริการ พ่อค้าแม่ค้า เจ้าหน้าที่รัฐ และรวมไปถึงคุณยายสูงอายุที่เดินออกกำลังกายผ่านหน้าบ้านทุกวัน
               
                ปัจจุบันนั้น โลกได้เป็นยุคโลกาภิวัฒน์ เป็นยุคการสื่อสารไร้พรมแดน ทุกคนสามารถเข้าหาข้อมูลได้ในเวลาเดียวกันในแต่ละซีกโลก แต่นั้นก็อาจทำให้ผู้คนได้รับสิ่งใหม่ ค่านิยมใหม่ วัตถุความเจริญ และความทันสมัยใหม่ ๆ ในขณะที่อารยธรรมทางด้านจิตใจและการศึกษายังสั่งสมได้ไม่ถึงขีดสุด ซึ่งบางครั้งการได้รับเอาความเจริญแบบผิดวิธีอาจทำให้เกิดผลร้ายมากกว่าผลดี เกิดกระแสการบริโภคที่ไร้ขีดจำกัด มีค่านิยมใหม่ ๆ เกี่ยวกับวัตถุเงินทองมากมาย และลัทธิชื่นชมบูชาผู้ที่ประสบความสำเร็จโดยไม่เลือกวิธีการ เพื่อนของฉันนิยมไปเรียนพิเศษที่กรุงเทพ พวกเขากล่าวไว้ว่าระบบการเรียนการสอนที่นั่นมีความเพียบพร้อมสมบูรณ์ ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพ แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาเหล่านั้นก็กลับจากกรุงเทพฯ โดยมือข้างหนึ่งถือแนวข้อสอบวิชาต่าง ๆ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือถุงเสื้อผ้ามียี่ห้อจากต่างประเทศ
เพื่อนคนหนึ่งไม่ชอบกินเงาะ มังคุด ลองกอง มะละกอ หรือมะม่วง เพราะให้เหตุผลว่านั่นเป็นผลไม้ที่
บ้านนอกเขาจะเลือกกินแต่แคนตาลูป กีวี กล้วยหอม องุ่น เชอร์รี่ สตรอเบอร์รี่ และแอปเปิ้ลเท่านั้น  เพื่อนอีกคนเป็นคนตาไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเครื่องประดับ เสื้อผ้า รูปลักษณ์ รูปร่างของผู้สนทนา หรือผู้ที่เดินสวนทางกับเขา  ตัวอย่างเหล่านี้ เชื่อไหมว่าคือผลพวงอย่างหนึ่งของยุคโลกาภิวัฒน์ที่พัฒนามาเร็วเกินกว่าการสั่งสมทางปัญญาและภูมิต้านทางทางสังคม นั่นเป็นเพียงไม่กี่คนในสังคมที่ข้าพเจ้าอยู่อาศัย ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ทั้งปฏิบัติและไม่เอาอย่างบุคคลข้างต้น อย่างไรก็ดี เมื่อประเทศประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ภาวะต่าง ๆ ได้เข้ามารุมเร้าผู้คนรอบด้าน ชีวิตมนุษย์ในสังคมเมือง ได้ประสบกับภาวการณ์อันจำเจและไร้ทางออกมากขึ้น ทำให้ผู้คนต่างต้องไขว่คว้าแสวงหาความสุขที่คงทนยั่งยืน
                คนบางคนไม่เคยจับถือสิ่งของหนัก ๆ มาก่อนในชีวิต อาจมีบางช่วงที่ต้องหลบไปปาดน้ำตามที่หลั่งริน เนื่องจากเพราะสภาพเศรษฐกิจอันย่ำแย่และฐานะที่ไม่เหมือนแต่ก่อน คนบางคนที่กรำงานมาเท่าชีวิตก็อาจน้ำตาตกใน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนี้สินมากมาย และข้าวของราคาสูงกว่าแต่ก่อน เป็นไปได้ไหมที่เขารู้สึกเช่นนั้น เพราะเขาไม่อาจตัดบางสิ่งบางอย่างลงไปได้ ... บางสิ่งที่ไม่จำเป็น ... บางสิ่งที่ถึงไม่มีก็ไม่ทำให้ชีวิตชอกช้ำระกำจิต เมื่อปัญหาต่าง ๆ นานามากเข้า ๆ ผู้คนก็หันไปประหยัดในการใช้จ่ายในการบริโภคมากขึ้น บางคนหันมาใช้รถประหยัดน้ำมันแทนรถประจำตระกูลอันโอ่อ่า บางคนหันมาใช้สบู่สมุนไพรแทนสบู่จากต่างประเทศ และมีบ้างไม่น้อยที่คิดว่าตนน่าจะท่องเที่ยวยามราตรีให้น้อยลง สำหรับของเก่า ๆ แทนที่จะโยนมันลงทิ้งถังขยะเสีย ก็มีการนำออกมาขายให้ผู้ที่รับซื้ออีกต่อหนึ่ง เพื่อนำมันมาแปรรูปแล้วใช้ใหม่ บ้างก็นำมันไปใช้ในด้านอื่น เช่น การนำกระดาษหนังสือพิมพ์ที่ใช้แล้วมาทำเป็นวัสดุรองพื้น เป็นต้น หรืออาจจะมีการนำของเก่าเก็บมาดัดแปลงให้สามารถนำอกมาใช้งานในแง่อื่น เช่น การนำขวดน้ำมาประดิษฐ์เป็นแจกันดอกไม้ เป็นต้น
                นอกจากปัญหาในสังคมจะทำให้ทุกคนมีความระมัดระวังในการจับจ่ายแล้ว ยังทำให้พวกเขาต้องใช้สายตาอันกว้างไกลในการตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ อีกด้วย เพื่อความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตและที่สำคัญในการใช้ชีวิตที่พอเพียงยังทำให้ผู้คนในชุมชนมีความเอื้ออาทรต่อกัน เมื่อใครมีสิ่งใดที่มากเกินพอดีก็อาจจะนำสิ่งนั้นไปขายหรือบริจาคให้แก่ผู้อื่นอีกต่อ ๆ กันไป ฉันคิดว่าบางทีตาแป๊ะแก่ ๆ ที่ยืนอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเล็ก ๆ อาจมีความสุขมากกว่ามหาเศรษฐีที่ไม่รู้จะนำเงินของตนไปวางไว้ที่ไหนก็ได้... ถ้าเขามีความพอเพียงพอประมาณในตนเอง
                แม้ว่าบางคนในชุมชนอาจมีฐานะไม่ดี แต่ว่าเขามีความพอดี พอประมาณในความต้องการของเขาเหล่านั้น ก็สามารถใช้ชีวิตเฉกเช่นปุถุชนคนหนึ่งที่มีความสุขได้แล้ว  ฉันคิดว่าบางทีความสุขนั้นก็ไม่ได้หมายถึงปริมาณตัวเลขในบัญชี ตำแหน่งการงานหรือฐานะ หากแต่มาจากความสงบนิ่งที่เริ่มจากภายในจิตใจ ถ้าทุกคนมีวิถีชีวิตที่พอเพียง ทั้งสังคมและประเทศชาติก็จะค่อย ๆ ก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ แต่ทว่า...มั่นคงได้ท่ามกลางกระแสธารแห่ง
ทุนนิยม
                                                                                                                                                                                                                           เด็กหญิงพรอิสรา   วงศ์สุภาพ

                 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 โรงเรียนธิดานุเคราะห์
                                                                                                                                                                                                                   อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

                                                         

 ตัวอย่างที่ 6




ตัวอย่างที่ 7



ขอบคุณเจ้าของเรื่องความ และผู้เผยแพร่เรียงความ ข้างต้น
เพจ เด็กไทยมั่นใจ AEC
อื่นๆ


1 ความคิดเห็น:

  1. Do this hack to drop 2lb of fat in 8 hours

    At least 160 000 men and women are utilizing a easy and secret "liquid hack" to drop 2lbs every night as they sleep.

    It's effective and works every time.

    This is how you can do it yourself:

    1) Hold a drinking glass and fill it up with water half the way

    2) Then learn this weight loss HACK

    and you'll become 2lbs thinner when you wake up!

    ตอบลบ